จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : อัลลอฮฺ ตะอาลาตรัสว่า:"โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา ตรัสว่า "โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงใช้จ่ายเถิด -ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น(วาญิบ)และที่ส...
จากท่านอบูมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "เมื่อชายคนหนึ่งใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวของเขาเพื่อหวังในผลบุญ...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ท่านกล่าวว่าหากชายคนหนึ่งใช้จ่ายเพื่อคนในครอบครัวซึ่งเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องใช้จ่าย เช่น ภรรยา พ่อแม่ ลูกของเขา แล...
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: “เมื่อลูกหลานของอาดัมได้เสียชีวิต การงานของ...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม บอกว่างานของผู้ตายสิ้นสุดลงเมื่อเขาเสียชีวิต ดังนั้นเขาจะไม่ได้รับความดีหลังจากการตายของเขา เว้นแต่ในสามสิ่งนี้:...
จากมาลิก บิน เอาซ์ บิน อัล-ฮะดะษาน เขากล่าวว่า ฉันพูดว่า “ใครเป็นคนแลกเปลี่ยนดิรฮัม?” ฏ็อลหะฮ์ บิน อุบัยดุลลอฮ์ ขณะที่เขาอยู่กับอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ เ...
มาลิก บิน เอาส์ ท่านคนยุคตาบิอีน กล่าวว่า เขามีดีนาร์ทองคำ และเขาต้องการแลกเป็นดิรฮัมเงิน ดังนั้นฏอลหะฮ์ บิน อุบัยดุลลอฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวแก่...
จากอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กำหนดให้ซะกาตฟิฏริ เป็นอินทผลัมหนึ่งศออ์หรือจากข้าวบาร์เลย์หนึ่งศออ์...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กำหนดให้จ่ายซะกาตฟิฏริหลังรอมฎอน ซึ่งคิดเป็นปริมาณหนึ่งศออ์ ซึ่งมีน้ำหนักเท่ากับสี่มุด และหนึ่งมุด คือ: เต็มกอบมือข...

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : อัลลอฮฺ ตะอาลาตรัสว่า:"โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย จงใช้จ่ายในหนทางของฉันเถิด แท้จริงฉันเป็นผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่เจ้า"

จากท่านอบูมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "เมื่อชายคนหนึ่งใช้จ่ายให้แก่ครอบครัวของเขาเพื่อหวังในผลบุญ ดังนั้นการกระทำของเขานั้นถือเป็นการให้ทานอย่างหนึ่ง "

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: “เมื่อลูกหลานของอาดัมได้เสียชีวิต การงานของเขาจะถูกตัดขาดลงยกเว้นเพียงสามประการคือ การบริจาคทานที่ถาวร ความรู้ที่ยังประโยชน์ หรือบุตรที่ดีขอดุอาอ์ให้กับเขา”

จากมาลิก บิน เอาซ์ บิน อัล-ฮะดะษาน เขากล่าวว่า ฉันพูดว่า “ใครเป็นคนแลกเปลี่ยนดิรฮัม?” ฏ็อลหะฮ์ บิน อุบัยดุลลอฮ์ ขณะที่เขาอยู่กับอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม กล่าวว่า: จงแสดงทองคำของคุณให้เราดู แล้วมาหาเรา เมื่อผู้รับใช้ของเรามาถึง เราจะมอบดิรฮัมที่ทำมาจากเงินของเจ้าให้กับเจ้า ดังนั้นอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ จึงกล่าวว่า: ไม่ ขอสาบานต่อพระเจ้า เจ้าจะมอบดิรฮัมที่ทำมาจากเงินของเขาให้เขา หรือเจ้าจะคืนทองคำของเขาให้เขา แน่แท้แล้ว ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะสัลลัมกล่าวว่า: “ทองคำแลกทองคำเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย ข้าวสาลีแลกข้าวสาลีเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย ข้าวบาร์เลย์แลกข้าวบาร์เลย์เป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย อินทผลัมแห้งแลกอินทผลัมแห้งเป็นดอกเบี้ย นอกจากต่างฝ่ายต่างรับกันไปในเวลานั้นเลย"

จากอิบนุอุมัร เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กำหนดให้ซะกาตฟิฏริ เป็นอินทผลัมหนึ่งศออ์หรือจากข้าวบาร์เลย์หนึ่งศออ์ ทั้งผู้ที่เป็นทาสและเป็นไท ชายและหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ที่เป็นมุสลิม และท่านสั่งให้กระทำก่อนที่ผู้คนจะออกไปละหมาดอีด

จากอับดุลลอฮ์ บิน สลาม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มายังเมืองมะดีนะฮ์ ผู้คนก็มารวมตัวกันต่อหน้าท่าน และมีเสียงกล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้มาแล้ว ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ได้มาแล้ว ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ได้มาแล้ว สามครั้ง ฉันจึงเข้าไปดูท่ามกลางผู้คน และเมื่อฉันเห็นหน้าท่านก็รู้ว่าหน้าของท่านไม่ใช่หน้าของคนโกหก สิ่งแรกที่ฉันได้ยินท่านพูด คือท่านพูดว่า: “โอ้มนุษยชาติ จงเผยแพร่สลาม จงให้อาหารแก่ผู้คน จงเชื่อมสัมพันธ์กับเครือญาติ และจงละหมาดในยามค่ำคืนขณะที่ผู้คนกำลังนอนหลับ แล้วพวกท่านจะเข้าสวรรค์อย่างสันติ”

จากอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงดี พระองค์ไม่ทรงรับสิ่งใดนอกจากที่ดี ๆ และแท้จริงอัลลอฮ์ได้ทรงกำชับให้ผู้ศรัทธา (เช่นเดียวกัน) กับพระองค์ทรงกำชับบรรดาเราะซูล (กล่าวคือ) พระองค์พระผู้ทรงสูงส่งได้ตรัสว่า “โอ้บรรดาเราะซูล จงกินจากสิ่งที่ดี และจงกระทำการดี แท้จริงข้ารอบรู้ในสิ่งที่สู่เจ้ากระทำ”(อัล-มุมินูน : 51) และยังตรัสอีกว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา จงกินจากที่ดี ๆ ซึ่งเราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า”(อัล-บะเกาะเราะฮ์ : 172) หลังจากนั้นท่าน (เราะซูล) ได้เล่าเรื่องชายคนหนึ่งที่เดินทางเป็นระยะเวลายาวนานจน (ผม) ยุ่งเหยิง และฝุ่นตลบ เขาแบมือทั้งสองสู่ฟ้า (พลางขอดุอาอ์ว่า) ข้าแต่พระผู้อภิบาล ! ข้าแต่พระผู้อภิบาล ! ขณะนั้น อาหารที่เขากินนั้นเป็นอาหารที่ต้องห้าม เครื่องดื่มของเขาก็เป็นที่ต้องห้าม และเสื้อผ้าของเขาก็เป็นที่ต้องห้าม และบำรุงปากท้องของเขาด้วยสิ่งที่ต้องห้าม ดังนั้นแล้วจะมีการตอบสนองการขอของเขาได้อย่างไร?"

จากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : "ผู้ใดที่ประวิงเวลาให้กับลูกหนี้ที่ขัดสนหรือยกหนี้ให้แก่เขา อัลลอฮ์จะทรงให้เขาอยู่ใต้ร่มเงาบัลลังก์ของพระองค์ในวันฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีร่มเงาใดนอกจากร่มเงาของพระองค์”

จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "อัลลอฮ์ทรงเมตตาแก่ผู้ที่ใจกว้างเมื่อเขาได้ขาย เมื่อเขาได้ซื้อ และเมื่อเขาได้ถูกทวงถามในสิทธิ์"

จากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะสูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ชายคนหนึ่งได้ให้ผู้อื่นกู้หนี้ยืมสิน แล้วกล่าวกับคนของเขาว่า หากมีคนที่ลำบากมา ก็จงยกโทษให้พวกเขาไป หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงยกโทษพวกเรา ดังนั้นเมื่อเขาก็ได้กลับไปหาอัลลอฮ์ อัลลอฮ์ก็ทรงยกโทษเขา"

จากเคาละฮ์ อัลอันศอรียะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “แท้จริงมีคนจำนวนมากที่ใช้ทรัพย์สมบัติของอัลลอฮ์ในทางที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นสำหรับพวกเขาคือไฟนรกในวันกิยามะฮ์”

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "อัลลอฮ์ตรัสว่า: ทุก ๆ การงานของลูกหลานอาดัมนั้นเป็นของเขา ยกเว้นการถือศีลอด เพราะว่ามันสำหรับฉันและฉันจะตอบแทนมันเอง และการถือศีลอดก็เป็นเกราะป้องกัน เเละเมื่อวันของการถือศีลอดของคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้า เขาจงอย่าพูดจาหยาบคาย อย่าโวยวายเเละทะเลาะเบาะเเว้ง เเละหากมีผู้ใดมาด่าทอเขาหรือต่อสู้กับเขา (ทำร้ายเขา) ให้เขากล่าวไปว่า แท้จริงฉันเป็นผู้ถือศีลอด ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของมุฮัมหมัดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ แท้จริงกลิ่นปากของผู้ถือศีลอด ณ ที่อัลลอฮ์นั้น มีกลิ่นหอมยิ่งกว่าชะมดเชียงเสียอีก สำหรับผู้ถือศีลอดมีความดีใจสองครั้งด้วยกัน เมื่อเขาละศีลอด เเละเมื่อเขาได้พบกับพระผู้อภิบาลของเขา เขาก็ดีใจด้วยการถือศีลอดของเขา"