จากท่านอบูมูซา อัลอัชอะรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ผู้ใดที่ละหมาดในสองช่วงเวลาที่เยือกเย...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมส่งเสริมให้รักษาละหมาดอย่างขยันขันแข็งในสองเวลาที่อากาศเย็น ทั้งสองเวลานั้นคือ การละหมาดฟัจร์และการละหมาดอัสร์ และท่...
จากญุนดุบ บิน อับดุลลอฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “ผู้ใดที่ละหมาดศุบห์เขาจะอยู่ภายใต้การค...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า ผู้ใดที่ทำการละหมาดศุบห์ เขาจะได้อยู่ภายใต้การคุ้มครอง การอารักขา และการพิทักษ์ของอัลลอฮ์ พระองค์จะทรงปกป้...
จากท่านบุร็อยดะฮ์ บิน อัลหะศีบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าว่า: จงเร่งรีบสู่การละหมาดอัศร์ เพราะแท้จริงท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ก...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เตือนถึงการเลื่อนเวลาละหมาดอัสรีออกไปจากช่วงเวลาของมันโดยเจตนา และใครก็ตามที่ทำเช่นนั้นจะทำให้การงานของเขาเสียหา...
จากท่านอนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ใครก็ตามที่ลืมละหมาดใดละหมาดหนึ่ง ดังนั้นเขาจงละหม...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อธิบายว่า แท้จริงผู้ใดที่ลืมละหมาดใดละหมาดหนึ่งจนเวลาของมันได้ล่วงเลยไป ดังนั้นจำเป็นสำหรับเขาต้องรีบเร่งละหมาดชดเม...
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “แท้จริงการละหมาดที่เป็นภาระหนักที่สุดสำหร...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้บอกเกี่ยวกับพวกมุนาฟิกและความเกียจคร้านของพวกเขาในการเข้าร่วมละหมาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาละหมาดอิชาอ์และละหมาดฟั...

จากท่านอบูมูซา อัลอัชอะรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ผู้ใดที่ละหมาดในสองช่วงเวลาที่เยือกเย็น ย่อมได้เข้าสวนสวรรค์"

จากญุนดุบ บิน อับดุลลอฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า : ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “ผู้ใดที่ละหมาดศุบห์เขาจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของอัลลอฮ์ ดังนั้น พวกเจ้าอย่าได้ให้อัลลอฮ์ตามหาผู้ที่ฝ่าฝืนการคุ้มครองของพระองค์ (ด้วยการละเลยในการละหมาดศุบห์หรือละเมิดทำร้ายผู้ที่ละหมาดศุบห์) เพราะผู้ใดที่พระองค์ตามหาผู้ที่ฝ่าฝืนการคุ้มครองของพระองค์แล้ว แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงพบเจอเขา จากนั้นพระองค์ก็จะทรงคว่ำใบหน้าของเขาลงในนรกญะฮันนัม”

จากท่านบุร็อยดะฮ์ บิน อัลหะศีบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าว่า: จงเร่งรีบสู่การละหมาดอัศร์ เพราะแท้จริงท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า "ผู้ใดทิ้งละหมาดอัศร์ แน่นอนการงานของเขาก็จะเป็นโมฆะ"

จากท่านอนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ใครก็ตามที่ลืมละหมาดใดละหมาดหนึ่ง ดังนั้นเขาจงละหมาดเมื่อนึกขึ้นได้ ไม่มีการลบล้างบาปสำหรับการทิ้งละหมาดนอกจากด้วยการละหมาด อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า "และจงละหมาดเพื่อรำลึกถึงข้า" [ซูเราะฮ์ ฏอฮา : 14]

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “แท้จริงการละหมาดที่เป็นภาระหนักที่สุดสำหรับผู้กลับกลอกคือการละหมาดอิชาอ์และละหมาดฟัจร์ และหากพวกเขารู้ถึงคุณค่าที่มีอยู่ในละหมาดทั้งสองเวลานั้น แน่นอนพวกเขาจะมาทำการละหมาดเวลาทั้งสองนั้น แม้ว่าจะต้องคลานมาก็ตาม และบางครั้งฉันก็คิดที่จะสั่งให้มีการละหมาด แล้วฉันก็จะแต่งตั้งชายคนหนึ่งให้นำผู้คนในการละหมาด แล้วฉันจะไปพร้อมกับกลุ่มชายกลุ่มหนึ่งซึ่งมีไม้ฟืนพร้อมกับพวกเขา ไปหาคนที่ไม่ได้เข้าร่วมการละหมาด แล้วเผาบ้านของพวกเขาด้วยไฟ"

จากท่านอบีเอาฟา เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: เมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขึ้นมาจากรุกูั๊วะ ท่านจะกล่าวว่า : "สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หามิดะฮุ อัลลอฮุมมา ร็อบบานา ลากาฮัมดุ มิลอัสสะมาวาติ วะมิลอัลอัรฎิ วะมิลอะ มาชิอ์ตา มิน ชัยอิน บะอ์ดุ" (ความว่า อัลลอฮ์ได้ยินผู้ที่สรรเสริญพระองค์ โอ้อัลลอฮ์ พระเจ้าของเรา การสรรเสริญเป็นของพระองค์ ให้เต็มฟ้า ให้เต็มแผ่นดิน ให้เต็มเท่าที่พระองค์จะทรงประสงค์ในภายหลัง)

จากท่านฮุซัยฟะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสัลลัม จะกล่าวระหว่างสองสุญูด ว่า: " ร็อบบิฆฟิรลีย์ ร็อบบิฆฟิรลีย์"(ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้า โปรดอภัยโทษให้ข้าด้วยเถิด)

จากท่านอิบนุอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา รายงานว่า : ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยอิวะสัลลัม จะกล่าวในระหว่างสองสุญูดว่า "อัลลอฮุมมัฆฟิรลี วัรฮัมนี วะอาฟินี วะฮ์ดินี วัรซุกนี" ความว่า "โอ้อัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ฉัน ทรงเมตตาต่อฉัน ทรงทำให้ฉันมีสุขภาพแข็งแรง ทรงให้ทางนำแก่ฉัน และทรงโปรดประทานปัจจัยยังชีพให้แก่ฉันด้วยเถิด "

จากท่านหิฏฏอน บิน อับดุลลอฮ์ อัรเราะกอชีย์ กล่าวว่า: ครั้งหนึ่ง ฉันได้ทำการละหมาดกับท่านอบูมูซา อัลอัชอารีย์ และเมื่อเขาอยู่ในขณะตะชะฮุด มีชายคนหนึ่งจากชาวบ้าน กล่าวว่า “การละหมาดเชื่อมโยงกับการทำความดีและซะกาต” เมื่ออบูมูซา เสร็จสิ้นการละหมาดและทำการให้สลาม เขาก็หันไปยังผู้คน และกล่าวว่า "ใครในหมู่พวกเจ้าที่พูดเช่นนั้น" ผู้คนเหล่านั้นต่างก็เงียบ จากนั้นเขากล่าวอีกว่า "ใครในหมู่พวกเจ้าที่พูดด้วยถ้อยคำเช่นนั้น" ผู้คนเหล่านั้นก็เงียบ ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “โอ้ หิฏฏอน บางทีอาจเป็นเจ้า เป็นคนที่พูดมันขึ้นมา หิฏฏอนกล่าวว่า: "ไม่ ฉันไม่ได้พูด ฉันกลัวว่าท่านจะรำคาญฉันในเรื่องนี้ จากนั้นมีคนหนึ่งในกลุ่มนั้น กล่าวว่า “ฉันเป็นคนที่พูดสิ่งนี้ และในการนี้ ฉันไม่ได้มุ่งหมายสิ่งใดนอกจากความดีเท่านั้น อบูมูซากล่าวว่า: "เจ้าไม่รู้หรือว่า เจ้าต้องกล่าวอะไรในการละหมาดของเจ้า แท้จริงแล้วท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ทำการบรรยายให้แก่เรา ได้อธิบายให้แก่เราถึงแนวทางของเรา และสอนเราถึงวิธีการละหมาด โดยท่านกล่าวว่า “เมื่อพวกเจ้าต้องการละหมาด ก็จงจัดแถวให้ตรง และให้คนหนึ่งนำพวกเจ้าละหมาด และเมื่อเขากล่าวตักบีร พวกเจ้าก็จงกล่าวตักบีรตาม เมื่อเขาอ่าน {ฆอยริล มัฆฎูบิอะลัยฮิม วะลัฎฎอลลีน} [ซูเราะฮ์ อัลฟาติฮะห์ : 7] พวกเจ้าจงกล่าว “อามีน” และอัลลอฮ์จะตอบรับพวกเจ้า และเมื่อเขากล่าว ตักบีรและทำการรูกู๊วะ พวกเจ้าก็จง ตักบีรและทำการรูกู๊วะ เพราะแท้จริงผู้เป็นอิหม่ามนั้นจะทำการรูกู๊วะก่อนพวกเจ้า และลุกขึ้นก่อนพวกเจ้า” จากนั้น ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “สิ่งนี้ตามด้วยสิ่งนั้น และเมื่อเขากล่าวว่า “สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หะมิดะฮ์” (อัลลอฮ์ทรงฟังผู้ที่สรรเสริญพระองค์) พวกเจ้าก็จงกล่าวว่า “อัลลอฮุม มะร๊อบบะนา วะลากัลฮัมด์” (โอ้อัลลอฮ์ พระเจ้าของเรา การสรรเสริญจงมีแด่พระองค์) และอัลลอฮ์ จะได้ยินพวกเจ้า เพราะอัลลอฮ์ผู้ทรงอำนาจ ทรงตรัสผ่านการกล่าวของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ว่า “อัลลอฮ์ทรงฟังผู้ที่สรรเสริญพระองค์” และเมื่อเขากล่าวตักบีรและทำการสุญูด พวกเจ้าจงกล่าวตักบีรและทำการสุญูดด้วย เพราะแท้จริงผู้เป็นอิหม่ามนั้นจะสุญูดก่อนพวกเจ้า และลุกขึ้นก่อนพวกเจ้า” จากนั้น ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า “สิ่งนี้ตามด้วยสิ่งนั้น” และเมื่อเขานั่งเพื่อตะชะฮ์ฮุด คำพูดแรกของทุกคนในหมู่พวกท่านคือ: “อัตตะหิยยาตุต ต็อยยิบาตุศ เศาะละวาตุ ลิลลาฮิ อัสสลามุ อะลัยกะ อัยยูฮันนาบิยู วะเราะห์ มะตุลลอฮิ วะบะรอกาตุฮ์ อัสสลามุ อะลัยนา วะอะลา อิบาดิลลาฮิศศอลิหีน อัชฮะดุ อันลา อิลาฮะ อัลลัลลอฮ์ วะอัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดัน อับดุฮุ วะเราะสูลุฮุ (การทักทายที่ดี การละหมาด ทั้งหมดเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ขอความสันติจงมีแด่ท่าน โอ้ท่านนบี ขอความเมตตาและความจำเริญจากอัลลอฮ์ ขอความสันติจงมีแด่เราและบ่าวผู้ที่ศอลิห์ของอัลลอฮ์ทุกท่าน ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การเคารพสักการะอย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮ์ และฉันขอปฏิญาณตนว่ามูฮัมมัดเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์)

จากท่านอิบนุมัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้สอนฉันเกี่ยวกับการตะชะฮ์ฮุด ในขณะที่มือทั้งสองของฉันอยู่ในมือทั้งสองของท่าน เหมือนดังท่านได้สอนซูเราะฮ์อัลกุรอาน: التَّحِيَّاتُ لِلَّهِ، وَالصَّلَوَاتُ وَالطَّيِّبَاتُ، السَّلاَمُ عَلَيْكَ أَيُّهَا النَّبِيُّ وَرَحْمَةُ اللَّهِ وَبَرَكَاتُهُ، السَّلاَمُ عَلَيْنَا وَعَلَى عِبَادِ اللَّهِ الصَّالِحِينَ، أَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ، وَأَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُه1 และในบางประโยคท่านนบี กล่าวว่า "แท้จริงอัลลอฮ์คือผู้ทรงสันติ ดังนั้นเมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าได้นั่งในละหมาด ดังนั้นก็จงกล่าวว่า:"التَّحِيَّاتُ لِلَّهِ وَالصَّلَوَاتُ وَالطَّيِّبَاتُ السَّلَامُ عَلَيْكَ أَيُّهَا النَّبِيُّ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكَاتُهُ، السَّلَامُ عَلَيْنَا وَعَلَى عِبَادِ اللهِ الصَّالِحِينَ، เมื่อเขาได้กล่าวประโยคนั้นแล้วแน่นอนก็จะถึงบรรดาบ่าวของอัลลอฮ์ที่ศอลิห์ทุกคนทั้งที่อยู่ในฟากฟ้าและในแผ่นดิน จากนั้นก็กล่าว أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ، وَأَشْهَدُ أَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ หลังจากนั้นก็ให้เขาเลือก(ดุอาอ์)สิ่งที่เขาต้องการ"

จากท่านอบูฮุรัยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มักจะกล่าว "اللَّهُمَّ إِنِّي أَعُوذُ بِكَ مِنْ عَذَابِ القَبْرِ، وَمِنْ عَذَابِ النَّارِ، وَمِنْ فِتْنَةِ المَحْيَا وَالمَمَاتِ، وَمِنْ فِتْنَةِ المَسِيحِ الدَّجَّالِ" ในบางรายงานที่บันทึกโดยมุสลิม ท่านกล่าวว่า :"เมื่อคนหนึ่งคนใดในหมู่พวกท่านได้เสร็จสิ้นจากการกล่าว ตะชะฮุดในร็อกอะฮ์สุดท้าย ก็จงขอความคุ้มครองให้ห่างไกลจากสี่ประการ จากนรกญะฮันนัม จากการลงโทษในหลุมศพ จากฟิตนะฮ์ของการมีชีวิตและความตาย และจากฟิตนะฮ์ของดัจญาล"

จากท่านมะอ์ดาน บิน อบีฏอลหะฮ์ อัลยะอ์มะรีย์ กล่าวว่า: ฉันได้พบกับท่านเษาบาน คนรับใช้ของเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วฉันก็กล่าวว่า: โปรดบอกฉันเกี่ยวกับการงานใดสักอย่างหนึ่งที่ฉันทำแล้ว อัลลอฮ์จะทำให้ฉันเข้าสวรรค์? หรือเขากล่าวว่า: ฉันกล่าวว่า: การกระทำที่อัลลอฮ์รักมากที่สุด จากนั้น เขาก็นิ่งเงียบ ฉันถามเขาต่อ แต่เขาก็นิ่งเงียบ จากนั้นฉันก็ถามเขาเป็นครั้งที่สาม และเขาก็กล่าวว่า ฉันถามท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เกี่ยวกับเรื่องนั้น และท่านเราะซูลุลลอฮ์กล่าวว่า: “เจ้าต้องสุญูดต่ออัลลอฮ์มากๆ เพราะแท้จริงเจ้าไม่สุญูดต่ออัลลอฮ์ครั้งใด นอกจากอัลลอฮ์จะทรงยกสถานะของเจ้าด้วยการสุญูดนั้นหนึ่งขั้น และทรงลบล้างบาปออกจากเจ้าด้วยเช่นกัน” มะอ์ดานกล่าวว่า: จากนั้นฉันก็ได้พบกับท่านอบูดัรดาอ์ และฉันได้ถามเขา แล้วเขากล่าวแก่ฉันเหมือนที่ท่านเษาบานได้กล่าวไว้