จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “ไม่มีการละหมาดเมื่ออาหารถูกเสิร์ฟ...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ห้ามการละหมาดต่อหน้าอาหารที่ถูกจัดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ละหมาดโหยหา และหัวใจของเขาผูกพันกับอาหารนั้น และในทำนอง...
จากท่านอุษมาน บิน อบิลอาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: เขาได้มาพบท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วกล่าวว่า "โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ แท้จริงชัยฏอนไ...
ท่านอุษมาน บิน อบิลอาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้มาพบท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วกล่าวว่า "โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ แท้จริงชัยฏอนได้ขวางระหว่างฉันก...
จากท่านอบูฮุรัยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ได้กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ขโมยที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ที่ขโมยการละหมา...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อธิบายว่าคนที่น่าเกลียดที่สุดในเรื่องการขโมยคือคนที่ขโมยจากการละหมาดของเขา เนื่องจากการเอาเงินของคนอื่นอาจใช้ประโยช...
จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: “คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าไม่เกรงกลัว หรือ:ไม่มีใครในหมู...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้อธิบายถึงภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่เงยหน้าขึ้นก่อนอิหม่ามของเขา คือด้วยการที่อัลลอฮ์จะทรงทำให้หัวของเขาเป็...
จากท่านอบูสะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "หากคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเกิดสงสัยใน...
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อธิบายว่าหากใครก็ตามที่ละหมาดแล้วเกิดการสงสัยในละหมาดนั้น และไม่รู้ว่าเขาละหมาดกี่รอกะอะฮ์ สามหรือสี่? ให้เขาตัดเลข...

จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า : “ไม่มีการละหมาดเมื่ออาหารถูกเสิร์ฟ และในสภาพที่เขากำลังอดกลั้นสิ่งไม่ดีทั้งสอง(คือปัสสาวะและอุจจาระ)".

จากท่านอุษมาน บิน อบิลอาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: เขาได้มาพบท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม แล้วกล่าวว่า "โอ้ท่านเราะซูลุลลอฮ์ แท้จริงชัยฏอนได้ขวางระหว่างฉันกับการละหมาดของฉัน และการอ่านอัลกุรอานของฉันทำให้ฉันสับสน" ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า "นั่นคือชัยฏอนที่มีชื่อเรียกว่า คินซับ/คินซิบ หากท่านรู้สึกอย่างนั้น จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากมัน และถ่มน้ำลายไปทางซ้ายของเจ้า 3 ครั้ง" เขากล่าว่า: ฉันทำอย่างนั้นและอัลลอฮ์ก็ทำให้มันหายจากฉันไป.

จากท่านอบูฮุรัยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ได้กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "ขโมยที่เลวร้ายที่สุดคือผู้ที่ขโมยการละหมาดของเขา" ฉันกล่าวว่า เขาขโมยละหมาดของเขาได้อย่างไร? ท่านตอบว่า: "เขาไม่ทำให้การรุกั๊วะและการสุญูดเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์"

จากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: “คนหนึ่งคนใดในหมู่พวกเจ้าไม่เกรงกลัว หรือ:ไม่มีใครในหมู่พวกเจ้ากลัวหรือ? เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก่อนอิหม่าม อัลลอฮ์จะทรงทำให้หัวของเขาเป็นหัวลา หรือให้รูปร่างของเขาเป็นรูปร่างของลา”

จากท่านอบูสะอีด อัลคุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "หากคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเจ้าเกิดสงสัยในการละหมาดของเขา และเขาไม่รู้ว่าเขาได้ละหมาดไปกี่รอกะอะฮ์แล้ว สามหรือสี่ ก็จงละทิ้งสิ่งที่สงสัยนั้น และจงยึดสิ่งที่เขามั่นใจ แล้วจงสุญูดสองครั้ง ก่อนการให้สลาม หากปรากฎว่าเขาได้ละหมาดห้ารอกะอะฮ์ การสุญูดสองครั้งนั้นถือว่าการละหมาดนั้นเป็นคู่(เป็นหก ก็อยู่ในสถานะเป็นการละหมาดครบสี่ แต่เพิ่มซุนนะฮ์ไปอีกสองรอกะอะฮ์) และหากเขาละหมาดสี่รอกะอะฮ์จริงๆ การสุญูดสองครั้งนั้นถือเป็นการหยามต่อชัยฎอน"

จากวาบิเศาะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เห็นชายคนหนึ่งละหมาดอยู่คนเดียวหลังแถว จึงสั่งให้เขาละหมาดใหม่

จากอับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า : มีการกล่าวถึงต่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งมีชายผู้หนึ่งหลับทั้งคืนจนถึงเช้า ท่านจึงกล่าวว่า “นั่นคือชายผู้หนึ่งที่ซาตานปัสสาวะในหูทั้งสองของเขา หรือท่านพูดว่า: ในหูของเขา”

จากท่านอบูฮุรัยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: "วันที่ดีที่สุดที่ดวงอาทิตย์ขึ้นคือวันศุกร์ ในวันนั้นอาดัมถูกสร้างขึ้น ถูกนำเข้าสู่สวรรค์ และในวันศุกร์เขาถูกขับออกจากสวรรค์ และวันกิยามะฮ์จะไม่เกิดขึ้น นอกจากในวันศุกร์"

จากอบู ฮุร็อยเราะฮ์ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮุ ได้กล่าวว่า: ท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า: “ผู้ใดทำการอาบน้ำชำระล้างในวันศุกร์แล้วออกเดินทาง(ไปละหมาดวันศุกร์) ประหนึ่งว่าเขาได้บริจาคอูฐและผู้ใดไปในชั่วโมงที่สองก็เหมือนกับว่าเขาบริจาควัว และผู้ใดไปในชั่วโมงที่สาม เปรียบเสมือนได้บริจาคแกะมีเขาตัวหนึ่ง และผู้ใดไปในเวลาที่สี่ก็เปรียบเสมือนได้บริจาคไก่ตัวเมียหนึ่งตัว และผู้ใดออกเดินทางในชั่วโมงที่ห้า ประหนึ่งว่าเขาได้บริจาคไข่ และเมื่ออิหม่ามออกมา บรรดามะลาอิกะฮ์ก็จะมานั่งฟังการรำลึกถึงอัลลอฮ์(การเทศนา)”

จากท่านเษาบาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า: เมื่อท่านเราะซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ละหมาดเสร็จ ท่านจะกล่าวอิสติฆฟาร(อภัยโทษ)สามครั้ง จากนั้นท่านจะกล่าว “اللهم أنت السلام ومنك السلام، تباركت يا ذا الجلال والإكرام” ความว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของข้า พระองค์คือผู้ทรงเปี่ยมด้วยสันติ จากพระองค์นั้นคือที่มาของสันติ ความจำเริญยิ่งแด่พระองค์ โอ้ผู้เปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่และเกียรติยศ” ท่านวะลีด กล่าวว่า "ดังนั้นฉันกล่าวแก่ท่านเอาซาอีย์ว่า : การอิสติฆฟารนั้นเป็นอย่างไร? ท่านตอบว่า: คือการที่ท่านกล่าว" อัสตัฆฟิรุลลอฮ์ อัสตัฆฟิรุลลอฮ์".

จากท่านอบี อัซซุบัยร์ กล่าวว่า: ท่านอิบนุซซุบัยร์ จะกล่าวทุกครั้งหลังการละหมาด เมื่อให้สลามเสร็จ "«لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ وَحْدَهُ لَا شَرِيكَ لَهُ، لَهُ الْمُلْكُ وَلَهُ الْحَمْدُ وَهُوَ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ قَدِيرٌ، لَا حَوْلَ وَلَا قُوَّةَ إِلَّا بِاللهِ، لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ، ‌وَلَا ‌نَعْبُدُ ‌إِلَّا إِيَّاهُ، لَهُ النِّعْمَةُ وَلَهُ الْفَضْلُ وَلَهُ الثَّنَاءُ الْحَسَنُ، لَا إِلَهَ إِلَّا اللهُ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّينَ وَلَوْ كَرِهَ الْكَافِرُونَ» " ความว่า (ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การกราบไหว้อย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว ไม่มีสิ่งใดเป็นภาคีเทียบเคียงกับพระองค์ อำนาจทั้งหมดเป็นของพระองค์ มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของพระองค์ และพระองค์คือผู้ทรงสามารถเหนือทุกสรรพสิ่ง ไม่มีความสามารถและพละกำลังใดที่เกิดขึ้นเว้นแต่ด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การกราบไหว้อย่างแท้จริงนอกจากอัลลอฮฺ และเราไม่เคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์เท่านั้น เป็นสิทธิแห่งพระองค์ซึ่งการประทานนิอ์มัต(ความโปรดปราน) ความประเสริฐและการสรรเสริญที่งดงาม ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่ควรแก่การกราบไหว้นอกจากอัลลอฮฺ โดยที่เรามอบความบริสุทธิ์ใจแห่งการยึดมั่นในศาสนาแด่พระองค์ แม้ว่าเหล่าผู้ปฏิเสธจะเกลียดชังก็ตาม) และท่านได้กล่าวว่า "ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวประโยคนี้ทุกครั้งหลังการละหมาด"

จากท่านวัรร็อด เลขาของท่านอัลมุฆีเราะฮ์ บิน ชุอ์บะฮ์ กล่าวว่า : ครั้งหนึ่งท่านอัลมุฆีเราะฮ์ บิน ชุอ์บะฮ์ ได้ให้ฉันบันทึกคำกล่าวของท่านเป็นจดหมายถึงท่านมุอาวิยะฮ์ ว่า: ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะกล่าวทุกครั้งหลังการละหมาดฟัรฎูเสร็จว่า "ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮุ วะห์ดาฮู ลาชาริกะลาฮ์ ลาฮุลมุลกุวาลาฮุลฮัมดู วาฮุวาอาลา กุลลิชัยอิน เกาะดีร อัลลอฮุมมา ลามานิอา ลิมา อะฏ็อยตา วาลามุติยา ลิมามานะตา วาลายันฟาอุ ซัลญัดดิ มันกัลญัดดุ" (ความว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ กับพระองค์ อำนาจทั้งหมดเป็นของพระองค์และมวลการสรรเสริญเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงสามารถเหนือทุกสิ่ง โอ้อัลลอฮ์ ไม่มีใครสามารถยับยั้งสิ่งที่พระองค์มอบให้ได้ และไม่มีใครสามารถมอบให้ในสิ่งที่พระองค์ทรงยับยั้งได้ และความร่ำรวยไม่สามารถให้ประโยชน์กับคนมั่งคั่งได้)