- มีสินค้าอยู่ 5 ห้าประเภทที่กล่าวถึงในหะดีษบทนี้ คือ: ทองคำ เงิน ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และอินทผลัม หากการค้าขายเกิดขึ้นในสินค้าประเภทเดียวกัน จะต้องตรงตามเงื่อนไขสองประการเพื่อให้มีการค้าขายนั้นใช้ได้ คือ: การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นในเวลานั้นเลย และความเหมือนกันในน้ำหนัก เช่นทองคำต่อทองคำ มิฉะนั้นจะเป็นดอกเบี้ย (ริบาอ์ อัลฟะฎัล) และหากแตกต่างกันเช่นเงินและข้าวสาลีเป็นต้น เงื่อนไขหนึ่งเพื่อให้ถูกต้องของสัญญาคือ การรับมอบราคาในช่วงสัญญา(เวลาในขณะนั้น) มิฉะนั้น จะเป็นดอกเบี้ย (ริบาอ์ อัลนะซีอะฮ์)
- คำว่า ในช่วงสัญญา หมายถึง สถานที่แลกเปลี่ยนกันในเวลานั้น ไม่ว่าจะนั่ง เดิน หรือบนยานพาหนะ และคำว่า การแยกย้ายกัน หมายถึง การแยกย้ายตามที่เข้าใจกัน
- การห้ามในฮะดีษนี้รวมถึงทองคำทุกชนิดที่ถูกตีและไม่ถูกตี รวมถึงเงินทุกชนิดที่ตีและไม่ตีด้วย
- สกุลเงินในยุคนี้บังคับในลักษณะเดียวกับการขายทองคำเป็นเงิน กล่าวคือ หากคุณต้องการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งเป็นสกุลเงินอื่น เช่น ริยาลเป็นดิรหัม ก็อนุญาตให้แลกเปลี่ยนได้ตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน แต่การแลกเปลี่ยนจะต้องทำกันในช่วงการค้าขาย ณ ขณะนั้น มิฉะนั้นข้อตกลงจะถือเป็นโมฆะ และการซื้อขายนั้น จะเป็นดอกเบี้ย ที่เป็นสิ่งต้องห้าม
- การทำธุรกรรมที่มีดอกเบี้ยไม่เป็นที่อนุญาต และสัญญาของมันถือเป็นโมฆะ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยินยอมตกลงกันก็ตาม เพราะอิสลามรักษาสิทธิมนุษยชนและสังคม แม้ว่าจะสละสิทธิ์ก็ตาม
- การห้ามปรามความชั่วและการป้องกันมันนั้น สำหรับผู้ที่สามารถทำได้
- การกล่าวถึงหลักฐานเมื่อประณามความชั่วร้าย เช่นเดียวกับกรณีของอุมัร บิน อัลค็อฏฏอบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ในกรณีดังกล่าว