- บัญญัติของบทการวิงวอนนี้ให้ปฏิบัติหลังจากเสร็จสิ้นการกล่าวซ้ำคำตามหลังมูอัซซิน และผู้ที่ไม่ได้ยินการเรียก (จากมูอัซซิน) ก็ไม่ควรกล่าว
- ความประเสริฐของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม โดยที่ท่านได้รับการใกล้ชิดพระเจ้า มีความประเสริฐ ตำแหน่งที่น่ายกย่องและการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันพิพากษาระหว่างสิ่งมีชีวิต
- การยืนยันการช่วยเหลือจากท่านนบีมุฮัมมัดศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ; ด้วยหลักฐานจากคำกล่าวของท่านว่า "เขาจะได้รับอนุญาตให้ได้รับความช่วยเหลือจากฉันในวันกิยามะฮฺ"
- การช่วยเหลือของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่มีต่อประชาชาติของท่านที่ทำบาปใหญ่คือการป้องกันไม่ให้เข้าไปในไฟนรก หรือ นำผู้ที่เขาสู่ไฟนรกแล้วออกมา หรือการเข้าสู่สวรรค์โดยไม่ต้องสอบสวน หรือยกระดับผู้ที่เข้าสวรรค์
- อัต-ฏอยบีย์กล่าวว่า: ตั้งแต่ต้นจนถึงคำว่า "มุฮัมมัดคือศาสนทูตของอัลลอฮ์" คือการเชิญชวนที่สมบูรณ์ ส่วนคำว่า "หัยอาละฮ์" (หมายถึงการเรียกไปสู่การละหมาด) นั้นหมายถึงการละหมาดที่ดำรงอยู่ในพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า "พวกเขาดำรงการละหมาด" และอาจเป็นไปได้ว่าคำว่า "การละหมาด" หมายถึงการวิงวอนขอ (ดุอาอ์) และคำว่า "ที่ดำรงอยู่" หมายถึงการที่ดำรงอย่างต่อเนื่อง มาจากการที่ใครบางคนยืนหยัดบนสิ่งหนึ่งอย่างมั่นคง ดังนั้นคำว่า "และการละหมาดที่ดำรงอยู่" จึงเป็นคำอธิบายถึงการเชิญชวนที่สมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นไปได้ว่าคำว่า "การละหมาด" หมายถึงการละหมาดตามที่เป็นที่รู้จักกัน ซึ่งผู้คนถูกเรียกให้เข้าร่วมในขณะนั้น และการตีความนี้ดูชัดเจนมากกว่
- อัล-มุฮัลลับ กล่าวว่า: ในหะดีษมีการสนับสนุนในการขอดุอาอ์ในช่วงเวลาละหมาด เพราะเป็นกรณีที่มีความหวังในการตอบรับเป็นอย่างยิ่ง